ข่าวฟุตบอล ถอดบทสัมภาษณ์ โรนัลโด้ กับ มอร์แกน
ข่าวฟุตบอล แฟนแมนยูต้องอ่าน!ถอดบทสัมภาษณ์ โรนัลโด้ กับ มอร์แกน
หลังจากปล่อยตัวอย่างมาหลายประเด็นจนกลายเป็นสิ่งที่คนในโลกลูกหนังพูดถึงกันอย่างหนักตลอดช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ล่าสุดเทปสัมภาษณ์ตัวเต็มชุดแรกระหว่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ เพียร์ส มอร์แกน ก็ถูกเผยแพร่เมื่อวันพุธที่ 16 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งมันก็มีทั้งการที่ โรนัลโด้ พูดเรื่องส่วนตัว และการบอกว่าคนที่ตำหนิเขาทำไปเพราะความอิจฉา ลองไปดูกันเลยว่าคำพูดของเขามีอะไรบ้าง
– การย้ายกลับมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง และข่าวลือที่ว่าเขาเคยเกือบย้ายไปอยู่กับ แมนฯ ซิตี้
“ถ้าให้พูดกันตามตรงก็ต้องบอกว่ามันเกือบจะเกิดขึ้นจริงๆ แต่อย่างที่คุณรู้ดีว่าประวัติศาสตร์ที่ผมมีกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, หัวใจของคุณ และความรู้สึกที่เคยรู้สึกเกี่ยวกับ 2 ทีมนี้ มันสร้างความแตกต่างได้ และแน่นอนว่ายังมีประเด็นของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วย ดังนั้นผมเลยแปลกใจพอตัว (ที่ แมนฯ ซิตี้ อยากได้เขา) แต่มันเป็นการตัดสินใจจากจิตสำนึก เพราะตอนนั้นเสียงจากหัวใจมันดังกว่าทุกอย่าง”
– การที่ เฟอร์กูสัน มีส่วนทำให้เขากลับมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด
“ผมคิดว่านั่นถือเป็นปัจจัยสำคัญเลย มันเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างในตอนนั้น แต่ผมคงจะโกหกถ้าบอกว่าผมไม่เคยใกล้ที่จะย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังไงก็ตาม ผมก็ตัดสินใจด้วยจิตใต้สำนึกของตัวเอง ผมไม่ได้นึกเสียดายเลย และอย่างที่คุณบอกก่อนหน้านี้ว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นปัจจัยสำคัญ”
“ใช่ ผมได้คุยกับเขา เขาบอกกับผมว่า -นายจะย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้เด็ดขาด- และผมก็ตอบไปว่า -โอเคครับ เจ้านาย- ดังนั้นผมเลยตัดสินใจไปแบบนั้น และผมขอย้ำว่าตอนนั้นผมเชื่อว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดี”
– การที่ทำได้ 2 ประตูตั้งแต่นัดแรกที่กลับมาเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
“มันเป็นความรู้สึกที่วิเศษ แต่ผมไม่ได้รู้สึกดีแค่ในวันที่มีการแข่งขันเท่านั้น ผมรู้สึกตั้งแต่ราว 1 สัปดาห์ก่อนหน้านั้นแล้วว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไป ทั้งโลกพูดเกี่ยวกับผม พูดเกี่ยวกับ คริสเตียโน่ พูดเกี่ยวกับ -การกลับสู่สถานที่ที่คู่ควร- ดังนั้นการได้กลับไปยัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อเล่นให้แฟนๆ เลยเป็นช่วงเวลาที่พิเศษ และแน่นอนว่าการทำได้ 2 ลูกก็ถือเป็นการต้อนรับที่ดีที่สุดที่ผมได้รับกับที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มันเป็นวันที่น่าจดจำและเป็นวันที่ลืมไม่ลงพวกเขาตะโกนว่า -วีว่า โรนัลโด้- ในตอนที่ผมกลับมา อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ว่าสำหรับผมแล้วแฟนบอลคือทุกอย่าง”
– คิดยังไงกับสโมสรหลังจากไม่ได้อยู่กับทีมมาหลายปี
“เพียร์ส ผมต้องพูดตามตรงนะ ตอนที่ผมเซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมเคยคิดว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วเพราะมันผ่านไปตั้ง 13 ปี ผมไปเล่นให้ เรอัล มาดริด 9 ปี แล้วก็กับ ยูเวนตุส 3 ปี ตอนที่ผมกลับมาอยู่กับทีมน่ะผมเคยคิดว่าทุกอย่างมันจะเปลี่ยไปจากแต่ก่อน อย่างพวกเทคโนโลยี, สิ่งก่อสร้าง ฯล แต่แล้วผมก็ต้องรู้สึกตกใจในทางที่แย่ๆ เอาเป็นว่าผมตกใจเพราะผมได้เห็นว่าทุกอย่างมันยังเหมือนเดิมแล้วกัน”
“อย่างที่คุณพูดขึ้นมา ตอนนั้น โอเล่ โดนปลด แล้ว ไมเคิ่ล คาร์ริค ก็มาได้คุมทีม 2 นัด ในเกมที่เจอกับ บียาร์เรอัล และ เชลซี ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากๆ ความไม่มั่นคงภายในสโมสรมันทำให้ผมแปลกใจสุดๆ ในความคิดของผมน่ะพวกเขาหยุดอยู่กับที่ ซึ่งนั่นทำให้ผมตกใจมากๆ”
– การเสริมทัพและการไม่พัฒนาสิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในโมสร
“ผมแปลกใจมาก ตอนที่ผมกลับมาอยู่กับทีมน่ะพวกเขาซื้อ ซานโช่, และผมกลับมาด้วย มันทำให้เกิดความรู้สึกว่าหลายอย่างจะเป็นไปตามแบบที่ควรจะเป็นของ แมนเชสเตอร์ อย่างที่คุณพูดนั่นแหละว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทิ้งรูโหว่ขนาดใหญ่เอาไว้ที่สโมสร แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างมันไม่ได้มีแค่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพราะยังมี เดวิด กิลล์ ที่ถือเป็นประธานที่ดีมากๆ ด้วย โครงสร้างในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีความสำคัญกับการทำทีมมากๆ เช่นกัน ดังนั้นผมเลยรู้ดีในระดับหนึ่งว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่ผมก็ไม่คิดว่าช่องว่างมันจะใหญ่ขนาดนี้ มีหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และพูดตามตรงว่ามัน (การที่สิ่งก่อสร้างภายในสโมสรไม่มีการพัฒนาเลย) ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจมากที่สุด”
“ในความคิดของผม พัฒนาการของ ยูไนเต็ด เท่ากับ 0 ถ้าไปเปรียบเทียบกับ เรอัล มาดริด หรือแม้กระทั่ง ยูเวนตุส แล้วน่ะ มันก็ต้องบอกว่า 2 ทีมนั้นตามกระแสของโลก ดังนั้นเทคโนโลยีของพวกเขาเลยทำให้ผมแปลกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการซ้อม, โภชนาการ, ปัจจัยแวดล้อม, การกินอย้งเหมาะสม และการฟื้นตัวให้ดีกว่าเดิม”
“ในความคิดของผม ตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ตามหลังทีมเหล่านั้น ซึ่งมันทำให้ผมแปลกใจมากๆ สโมสรระดับนี้ควรจะอยู่ในจุดสูงๆ แต่น่าเศร้าที่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับนั้น แต่ผมหวังว่าปีต่อๆ ไปพวกเขาจะขึ้นไปอยู่ในระดับสูงได้ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่นับตั้งแต่ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกจากทีมไปน่ะ ผมก็ไม่เห็นถึงพัฒนาการของสโมสรเลย พัฒนาการของพวกเขามันเป็น 0”
– ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่กับ ราล์ฟ รังนิค
“แน่นอน ผมให้ความเคารพเขาในระดับหนึ่ง เราต้องเรียกเขาว่าเจ้านายเพราะไม่ว่ายังไงก็ตามเขาก็คือคนที่อยู่ในตำแหน่ง ผมเรียกกุนซือทุกคนที่ผมร่วมงานด้วยว่าเจ้านายหมดนั่นแหละ เพราะถ้าพวกเขาคุมทีมอยู่เราก็ต้องเรียกเขาแบบนั้น แต่ลึกๆ แล้วในใจของผมน่ะผมไม่เคยมองว่าเขาเป็นเจ้านายเลย เพราะผมมองเห็นบางจุดที่จะไม่มีวันเห็นตรงกันกับเขา”
– แนวทางการทำทีมของ รังนิค และคำตำหนิจากสื่อ
“พูดตามตรงนะ เพียร์ส ผมไม่เข้าใจเรื่องแบบนั้นเลย พอมีโค้ชคนใหม่เข้ามาพวกเขา (สื่อ) ก็คิดหมือนกับว่าพวกเขาเจอน้ำ โคคา-โคล่า ขวดสุดท้ายกลางทะเลทรายซะอย่างนั้น ผมไม่เข้าใจแนวทางแบบนั้นของฟุตบอลตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาเลย”
“ผมเคารพโค้ชทุกคน, แนวทางการทำทีมทุกทาง, ความเห็นทุกรูปแบบ, หลักความคิดที่แตกต่างกัน แต่มันจะมีบางจุดที่คุณไม่เห็นด้วย ดังนั้นผมเลยเป็นแบบนั้นมาตลอด นอกจากนี้ผมก็เคยได้ร่วมงานกับโค้ชชั้นยอดของโลกอย่าง ซีดาน, อันเชล็อตติ, มูรินโญ่, แฟร์นันโด ซานโตส, อัลเลกรี ฯลฯ ด้วย ดังนั้นผมเลยมีประสบการณ์ที่ดีจากการที่ได้เรียนรู้จากพวกเขา”
“เมื่อคุณเห็นกุนซือบางคนที่เข้ามาและอยากปฏิวัติบางอย่างในวงการฟุตบอลแล้วน่ะผมก็มักจะไม่เห็นด้วย ส่วนพวกเขาอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับผมก็แล้วแต่ แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของวงการนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วผมมาอยู่กับสโมสรเพื่อที่จะชนะให้ได้ และผมก็อยากช่วยทีมด้วยประสบการณ์ของผม ก็เหมือนกับทุกทีนั่นแหละว่าโค้ชบางคนไม่ยอมรับอะไรแบบนั้น และมันก็เป็นส่วนหนึ่งของงานนี้”
– เรื่องที่ว่า รังนิค รู้หรือไม่ว่าทำอะไรอยู่ในช่วงที่อยู่ในตำแหน่ง
“ไม่ พวกเขาไม่รู้อะไรแม้แต่นิดเดียว พวกเขารู้แค่เรื่องฉากหน้าของสโมสร แต่พวกเขาไม่เข้าใจมิติหลักๆ ของสโมสร และประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของสโมสรเลย ซึ่งสำหรับผมแล้วนั่นทำให้ผมแปลกใจมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อคุณปลด โอเล่ โซลชา แล้วน่ะ คุณก็ควรจะต้องเอากุนซือชั้นยอดเข้ามาคุมทีม ไม่ใช่คนที่เป็นแค่ผู้อำนวยการกีฬา”
– เรื่องที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โดนปลด
“ผมรัก โซลชา ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยม เพราะสิ่งที่ผมให้ความสำคัญในใจของตัวเองอยู่เสมอคือหัวใจของแต่ละคน และสำหรับผมแล้ว โอเล่ ก็เป็นคนชั้นยอด การเข้ามารับงานต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นเรื่องยาก แต่ผมคิดว่าเขาทำได้ดีเลย”
“เขาต้องการเวลามากกว่านี้เยอะ แต่ผมมั่นใจว่าเขาจะเป็นโค้ชที่ดีได้ในอนาคต มันเป็นประสบการณ์ที่ดี ผมรู้สึกสนุกที่ได้ทำงานร่วมกับเขาแม้ว่ามันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม”
– เรื่องที่ดาวรุ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด บางคนไม่ได้มองเขาเป็นแบบอย่างที่ดี
“นักเตะดาวรุ่งสมัยนี้ของทุกลีกทั่วโลกไม่ได้เป็นคนในรุ่นเดียวกับผม ดังนั้นเราเลยไม่สามารถโทษพวกเขาได้ มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต คนรุ่นใหม่ได้เจอกับดทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทำให้พวกเขาไขว้เขวจนไปสนใจเรื่องอื่นในบางโอกาส พวกเขาไม่เหมือนกับคนรุ่นของผม พวกเขาฟังอยู่บ้างก็จริงแต่นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เรามีหู 2 ข้าง คุณรับฟังเรื่องต่างๆ ด้วยข้างหนึ่ง และมันก็ไหลออกไปอีกข้างหนึ่ง”
“สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องบอกว่ามันน่าเสียดายนิดๆ เพราะถ้าพวกเขามีแบบอย่างที่ดีที่สุดอยู่ต่อหน้าตัวเอง และไม่พยายามเลียนแบบตัวอย่างที่ว่าเป็นอย่างน้อยแล้วล่ะก็ มันก็ถือเป็นเรื่องที่แปลกในมุมมองของผม ผมจำได้ว่าตอนที่ผมอายุ 18, 19 หรือ 20 ปีน่ะ ผมดูนักเตะชั้นยอดอย่าง ฟาน นิสเตลรอย, เฟอร์ดินานด์, รอย คีน และ กิ๊กส์ เป็นแบบอย่างอยู่เสมอ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จเป็นเวลานาน ผมทำอย่างนั้นได้เพราะผมดูแลร่างกายของตัวเองได้ดี, มีหลักความคิดที่เหมาะสม ผมทำเรื่องเหล่านั้นเพราะผมดูคนเหล่านั้นเป็นแบบอย่างและเรียนรู้จากพวกเขา”
– คำแนะนำสำหรับนักเตะดาวรุ่ง
“ผมเป็นคนประเภทที่ชอบให้คำแนะนำ เพราะผมอยากเป็นแบบอย่างที่ดี ดังนั้นผมเลยไปที่สนามซ้อมในทุกเช้าและทำเรื่องต่างๆ เหมือนเดิมอยู่เสมอ ผมอาจจะเป็นคนที่ไปถึงสนามซ้อมคนแรกและเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากที่นั่นด้วยซ้ำ ผมคิดว่ารายละเอียดต่างๆ มันบ่งบอกถึงทุกอย่างได้ดัอยู่แล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมพูดว่าผมชอบเป็นแบบอย่างที่ดี
– การเสียชีวิตของลูกชาย
“ตอนแรก จิโอ (จอร์จิน่า คนรักของเขา) มาที่บ้านแล้วลูกๆ ก็เริ่มถามว่า -เด็กอีกคนล่ะ ? เด็กอีกคนอยู่ไหน ?- แน่นอนว่าวันนั้นผมได้คุยกับ คริสเตียโน่ (ลูกคนโต) ก่อนใคร เพราะเขาอายุ 12 ปีแล้ว เขาเข้าใจโลกเป็นอย่างดีแล้ว ผมได้คุยกับเขา เราร้องไห้ร่วมกันในห้องนอนของเขาและอธิบายเรื่องต่างๆ แม้ว่าส่วนหนึ่งเขาจะเข้าใจดีแต่เขาก็สับสนนิดหน่อยเหมือนกัน”
“พอเช้าวันต่อมาเด็กๆ ก็เริ่มถามตอนอยู่ที่โต๊ะว่า -แม่ๆ เด็กอีกคนอยู่ไหนล่ะ บลา บลา บลา- พวกเขารู้ดี (ว่า จอร์จิน่า ท้องลูกแฝดในตอนแรก) เพราะตอนที่เธอตั้งท้องน่ะท้องของเธอโตนิดๆ จากการที่มีเด็ก 2 คนอยู่ในท้อง มันเป็นช่วงเวลาที่ทำใจได้ยาก หลังจากผ่านไปสัปดาห์หนึ่งแล้วผมก็พูดว่า -มาพูดกับลูกๆ แบบตรงไปตรงมาดีกว่า บอกกับพวกเขาว่า แองเจิ้ล ได้ไปสู่สรวงสรรค์แล้ว”
“การพูดแบบนั้นเป็นทางออกที่ดีกว่า พอเราเริ่มพูดแบบนั้นน่ะเด็กๆ ก็เข้าใจดี เวลาที่เราอยู่ที่โต๊ะพวกเขาก็จะพูดว่า -ป๊ะป๋า หนูทำนี่ให้ แองเจิ้ล ล่ะ- แล้วพวกเขาก็ชี้นิ้วขึ้นฟ้า ผมชอบการทำเรื่องแบบนั้นมากที่สุด เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของพวกเขา และผมจะไม่มีวันโกหกลูกๆ ของตัวเอง แน่นอนว่ามันเป็นกระบวนการที่ยาก แต่ในขณะเดียวกันผมก็เป็นพ่อที่ดีขึ้น, เป็นมิตรกับพวกเขามากขึ้น พวกเขาสนิทกับคุณพ่อของตัวเองมากกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผมและ จอร์จิน่า ด้วย”
ติดตามข่าวฟุตบอลได้แล้วที่ >>>>> https://www.soccer169.com
สมัครเล่นการพนันออนไลน์ทุกชนิดได้ที่ >>>>>Line: @ufax169 <<<<<